นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยกรณีพบผู้ป่วยโควิด-19 ในเด็กเพิ่มขึ้น รวมถึงที่มีการเผยแพร่ในสื่อว่าได้เกิดกรณีโรงพยาบาลปฏิเสธการรับรักษาเด็ก โดยในเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีขอให้กระทรวงสาธารณสุขกำชับโรงพยาบาลทุกแห่งทั้งรัฐและเอกชน อย่าปฏิเสธการรับผู้ป่วยเข้ารักษา หากเกิดกรณีผู้ป่วยเต็มให้มีการประสานงานส่งต่อผู้ป่วยให้เร็วที่สุด โดยต้องให้ความสำคัญกับผู้ป่วยกลุ่มนี้เป็นลำดับแรก เนื่องจากเด็กมีภูมิคุ้มกันน้อยเพราะยังไม่ได้รับวัคซีนเหมือนผู้ใหญ่ นอกจากนี้ ได้กำชับให้สถาบันเด็กแห่งชาติมหาราชราชินี ซึ่งเป็นสถาบันหลักที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลรักษาโรคเด็กให้เตรียมการให้พร้อมเพื่อรองรับการรักษาผู้ป่วยโควิดเด็กทุกกลุ่มทุกระดับอาการ และเป็นหน่วยงานหลักในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยเด็กแก่โรงพยาบาลทั่วประเทศ ทั้งขั้นตอนวิธีการดูแล การเตรียมยาน้ำฟาร์วิพิราเวียร์สำหรับเด็ก ขอให้ผู้ปกครองเฝ้าสังเกตอาการ หากเด็กมีไข้ ไอ มีน้ำมูกและมีประวัติไปยังพื้นที่เสี่ยง หรือมีคนในครอบครัวเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ถือว่าเด็กมีความเสี่ยงควรใช้ชุดตรวจ ATK ที่ปัจจุบันมีทั้งแบบตรวจโพรงจมูกและน้ำลายเพื่อตรวจคัดกรอง หากให้ผลลบควรตรวจซ้ำในวันที่ 3-4 แต่หากผลเป็นบวกกรณีอยู่ในภูมิภาคให้ติดต่อโรงพยาบาลใกล้บ้าน หากอยู่ใน กทม.และปริมณฑล สามารถติดต่อไปยังสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี หรือติดต่อสายด่วน สปสช. 1330 เพื่อเข้าสู่ระบบการรักษา นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีข้อสั่งการให้กรมการแพทย์ร่วมกับภาคีเครือข่ายร่วมกันดูแลผู้ป่วยโควิดกลุ่มเด็กให้ดีที่สุด ซึ่งล่าสุดได้มีการประสานกับ กทม.ให้จัดทำเตียง Community Isolation (CI) สำหรับเด็กและครอบครัวเอาไว้ 6 โซน โซนละ 1 แห่ง ทั่วกรุงเทพฯ แห่งละอย่างน้อย 50 เตียง โดย 1 ห้องเด็กอยู่ร่วมกัน 3-4 คน
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : พรหมธิดา ทิพยานนท์
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย