นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในรายการรัฐบาลเล่าเรื่อง กับทีมนารีสโมสร ว่าสถานการณ์โควิด-19 ขณะนี้ มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มอาการที่ไม่รุนแรงสามารถรักษาแบบรับยาแล้วกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ เป็นผลจากประชาชนไปฉีดวัคซีน จึงขอย้ำว่าผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ให้รีบไปฉีด เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเองและคนในครอบครัว องค์การอนามัยโลก ได้ศึกษาเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ใน 185 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2563 ถึง 8 ธันวาคม 2564 พบว่าวัคซีนโควิดช่วยชีวิตรักษาคนทั่วโลกได้กว่า 20 ล้านคน โดยเฉพาะประเทศไทยสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ 382,600 คน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับ ว่าจะต้องมียารักษาให้เพียงพอ ล่าสุดการประชุมคณะรัฐมนตรียังได้อนุมัติงบประมาณ 3,995 ล้านบาท จัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ในการรักษาโควิด-19 ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน เป็นการซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ ยาโมนูลพิราเวีย เฉลี่ย 27 ล้านเม็ดต่อเดือน ยาเรมดิซิเวีย 57,000 ขวดต่อเดือน บางส่วนจะเป็นการแบ่งจ่ายค่าเวชภัณฑ์ในช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน ที่ผ่านมา และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ยังได้ออกประกาศให้ผู้ขึ้นทะเบียนยาการต้านไวรัสโควิด-19 กับ อย.แล้ว สามารถจำหน่ายยาต้านไวรัสโควิด-19 ไปยังคลินิคเวชกรรมได้ จากเดิมที่อนุญาตให้ยากับโรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชนเท่านั้น และอนุญาตให้คลินิคสามารถจัดหายาจากบริษัทเอกชนที่นำเข้าและขึ้นทะเบียนกับ อย. ได้ด้วย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้กำชับโดยเคร่งครัดว่าแม้จะกระจายยาไปสู่คลินิกเวชกรรมแล้ว แต่ผู้ที่จะสั่งจ่ายยาต้องเป็นแพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ที่ได้พิจารณาถึงอาการและความเหมาะสมในการรับยาของผู้ป่วยเป็นสำคัญ
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : เด่นนภา ใจปิติ
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย